แค่คนๆ เดียวที่ไม่มีศีล 5 ก็สามารถปัญหาสังคมได้อย่างน่ากลัว!!!
แค่คนๆ เดียวที่ไม่มีศีล 5 ก็สามารถปัญหาสังคมได้อย่างน่ากลัว
หากรัฐบาลมีความจริงใจ จะแก้ปัญหาสังคมให้แก่ประชาชนจริงๆ ก็ต้องแก้ทั้งต้นทางและปลายทาง
ศีลข้อ 1 ไม่ฆ่า
สิ่งที่มนุษย์รักที่สุดคือชีวิต
มนุษย์จึงต้องไม่ฆ่าทำลายชีวิตกัน
การรณรงค์ให้ประชาชนรักษาศีลข้อ 1
คือการแก้ไข "ปัญหาอาชญากรรม" ล้นสังคมในระยะยาว
ศีลข้อ 2 ไม่ลัก
ชีวิตมนุษย์อยู่ได้ด้วยสมบัติ
มนุษย์จึงต้องไม่ปล้นชิงทรัพย์ของผู้อื่น
การรณรงค์ให้ประชาชนรักษาศีลข้อ 2
คือการแก้ไข "ปัญหาโจรกรรม" ล้นสังคมในระยะยาว
ศีลข้อ 3 ไม่ประพฤติผิดในกาม
สิ่งที่มนุษย์รักยิ่งกว่าสมบัติคือครอบครัว
มนุษย์จึงต้องไม่ล่วงละเมิดทางเพศผู้อื่น
การรณรงค์ให้ประชาชนรักษาศีลข้อ 3
คือการแก้ไข "ปัญหาข่มขืนกระทำชำเรา" ล้นสังคมในระยะยาว
ศีลข้อ 4 ไม่พูดโกหก
ครอบครัวอยู่ได้ด้วยความจริงใจ
มนุษย์จึงต้องรักษาความจริงใจด้วยการไม่โกหกกัน
การรณรงค์ให้ประชาชนรักษาศีลข้อ 4
คือการแก้ไข "ปัญหาครอบครัวแตกแยก" ล้นสังคมในระยะยาว
ศีลข้อ 5 ไม่ดื่มสุรายาเมา
สติคือเครื่องมือในการรักษาชีวิต สมบัติ ครอบครัว
และความจริงใจในการอยู่ร่วมกันไว้ได้
มนุษย์จึงต้องไม่ดื่มสุรายาเมาอันเป็นเครื่องทำลายสติ
การรณรงค์ให้ประชาชนรักษาศีลข้อ 5
คือการแก้ไข "ปัญหาอบายมุข" ล้นสังคมในระยะยาว
ศีล 5 คือสิ่งที่ทำให้มนุษย์ยังเป็นมนุษย์อยู่
ทำให้ไม่เป็นบุคลอันตรายแก่ผู้อื่นที่อยู่ร่วมกันในสังคม
หากประชาชนหมดสิ้นจากศีล 5 เมื่อใด
ก็หมดสิ้นจากความเป็นมนุษยทันที
สามารถก่ออาชญากรรมได้ถึง 5 ปัญหาใหญ่
1. ฆ่าคนเพราะประสงค์ต่อการทำลายชีวิต
2. ฆ่าคนเพราะประสงค์การต่อปล้นชิงทรัพย์
3. ฆ่าคนเพราะประสงค์ต่อการข่มขืนกระทำชำเรา
4. ฆ่าคนเพราะประสงค์ต่อการต้มตุ๋นหลอกลวงเอาทรัพย์
5. ฆ่าคนเพราะคลุ้มคลั่งขาดสติจากฤทธิ์ยาเสพติด
ดังนั้น จะเห็นได้ว่าแค่คนๆ เดียวที่ไม่มีศีล 5
ก็สามารถปัญหาสังคมได้น่ากลัวขนาดนี้
หากรัฐบาลมีความจริงใจ
จะแก้ปัญหาสังคมให้แก่ประชาชนจริงๆ
ก็ต้องแก้ทั้งต้นทางและปลายทาง
คนดีที่เสียไปแล้วก็หามาตรการฟื้นฟูตามกฎหมาย
คนดีที่ยังไม่เสียไปก็ต้องรณรงค์ปลูกฝังให้รักษาศีล 5
บุคลาการที่ชำนาญงานด้านนี้
ก็คือพระสงฆ์สามแสนรูปทั้งประเทศ
รัฐบาลควรเลิกนโยบายเบียดเบียนพระสงฆ์
และหันมาสนับสนุนให้พระสงฆ์
ได้ทำงานของพระสงฆ์อย่างเต็มที่
เพราะการสอนให้ประชาชนมีศีล 5 นั้น
รัฐบาลก็ทราบดีว่าไม่มีเวลาจะทำได้
เพราะยังมีภารกิจอื่นๆ อีกมากมาย
โดยเฉพาะปากท้องของประชาชน
ขณะที่พระสงฆ์มีเวลาที่จะทำได้
เพราะทำงานด้านนี้มาตลอดชีวิตอยู่แล้ว
ที่สำคัญก่อนหน้าที่รัฐบาลปัจจุบัน
จะเข้ามาบริหารประเทศนั้น
พระสงฆ์ 3 แสนรูปทั้งประเทศ
ได้เคยจับมือกันจัดทำโครงการ
"บวชพระ 1 แสนรูป" มาเป็นเวลา 10 ปีเต็มแล้ว
โดยมิได้ขอใช้งบประมาณแผ่นดินสักบาทเดียว
อันเป็นสิ่งที่ยืนยันว่าคณะสงฆ์ทั้งประเทศทำได้
หากเพียงแต่รัฐบาลมีความห่วงใย
ต่อความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน และมีความจริงใจที่จะแก้ปัญหาสังคมที่ต้นเหตุอย่างจริงจัง
โดยอาศัยฐานกำลังของพระสงฆ์ในพระพุทธศาสนา ช่วยขับเคลื่อนการแก้ปัญหาอาชญากรรมในระยะยาวจริงๆ
---------------------------------------------------------------
Cr.Ptreetep Chinungkuro
6 มกราคม 2560
14.25 น.
หากรัฐบาลมีความจริงใจ จะแก้ปัญหาสังคมให้แก่ประชาชนจริงๆ ก็ต้องแก้ทั้งต้นทางและปลายทาง
ศีลข้อ 1 ไม่ฆ่า
สิ่งที่มนุษย์รักที่สุดคือชีวิต
มนุษย์จึงต้องไม่ฆ่าทำลายชีวิตกัน
การรณรงค์ให้ประชาชนรักษาศีลข้อ 1
คือการแก้ไข "ปัญหาอาชญากรรม" ล้นสังคมในระยะยาว
ศีลข้อ 2 ไม่ลัก
ชีวิตมนุษย์อยู่ได้ด้วยสมบัติ
มนุษย์จึงต้องไม่ปล้นชิงทรัพย์ของผู้อื่น
การรณรงค์ให้ประชาชนรักษาศีลข้อ 2
คือการแก้ไข "ปัญหาโจรกรรม" ล้นสังคมในระยะยาว
ศีลข้อ 3 ไม่ประพฤติผิดในกาม
สิ่งที่มนุษย์รักยิ่งกว่าสมบัติคือครอบครัว
มนุษย์จึงต้องไม่ล่วงละเมิดทางเพศผู้อื่น
การรณรงค์ให้ประชาชนรักษาศีลข้อ 3
คือการแก้ไข "ปัญหาข่มขืนกระทำชำเรา" ล้นสังคมในระยะยาว
ศีลข้อ 4 ไม่พูดโกหก
ครอบครัวอยู่ได้ด้วยความจริงใจ
มนุษย์จึงต้องรักษาความจริงใจด้วยการไม่โกหกกัน
การรณรงค์ให้ประชาชนรักษาศีลข้อ 4
คือการแก้ไข "ปัญหาครอบครัวแตกแยก" ล้นสังคมในระยะยาว
ศีลข้อ 5 ไม่ดื่มสุรายาเมา
สติคือเครื่องมือในการรักษาชีวิต สมบัติ ครอบครัว
และความจริงใจในการอยู่ร่วมกันไว้ได้
มนุษย์จึงต้องไม่ดื่มสุรายาเมาอันเป็นเครื่องทำลายสติ
การรณรงค์ให้ประชาชนรักษาศีลข้อ 5
คือการแก้ไข "ปัญหาอบายมุข" ล้นสังคมในระยะยาว
ศีล 5 คือสิ่งที่ทำให้มนุษย์ยังเป็นมนุษย์อยู่
ทำให้ไม่เป็นบุคลอันตรายแก่ผู้อื่นที่อยู่ร่วมกันในสังคม
หากประชาชนหมดสิ้นจากศีล 5 เมื่อใด
ก็หมดสิ้นจากความเป็นมนุษยทันที
สามารถก่ออาชญากรรมได้ถึง 5 ปัญหาใหญ่
1. ฆ่าคนเพราะประสงค์ต่อการทำลายชีวิต
2. ฆ่าคนเพราะประสงค์การต่อปล้นชิงทรัพย์
3. ฆ่าคนเพราะประสงค์ต่อการข่มขืนกระทำชำเรา
4. ฆ่าคนเพราะประสงค์ต่อการต้มตุ๋นหลอกลวงเอาทรัพย์
5. ฆ่าคนเพราะคลุ้มคลั่งขาดสติจากฤทธิ์ยาเสพติด
ดังนั้น จะเห็นได้ว่าแค่คนๆ เดียวที่ไม่มีศีล 5
ก็สามารถปัญหาสังคมได้น่ากลัวขนาดนี้
หากรัฐบาลมีความจริงใจ
จะแก้ปัญหาสังคมให้แก่ประชาชนจริงๆ
ก็ต้องแก้ทั้งต้นทางและปลายทาง
คนดีที่เสียไปแล้วก็หามาตรการฟื้นฟูตามกฎหมาย
คนดีที่ยังไม่เสียไปก็ต้องรณรงค์ปลูกฝังให้รักษาศีล 5
บุคลาการที่ชำนาญงานด้านนี้
ก็คือพระสงฆ์สามแสนรูปทั้งประเทศ
รัฐบาลควรเลิกนโยบายเบียดเบียนพระสงฆ์
และหันมาสนับสนุนให้พระสงฆ์
ได้ทำงานของพระสงฆ์อย่างเต็มที่
เพราะการสอนให้ประชาชนมีศีล 5 นั้น
รัฐบาลก็ทราบดีว่าไม่มีเวลาจะทำได้
เพราะยังมีภารกิจอื่นๆ อีกมากมาย
โดยเฉพาะปากท้องของประชาชน
ขณะที่พระสงฆ์มีเวลาที่จะทำได้
เพราะทำงานด้านนี้มาตลอดชีวิตอยู่แล้ว
ที่สำคัญก่อนหน้าที่รัฐบาลปัจจุบัน
จะเข้ามาบริหารประเทศนั้น
พระสงฆ์ 3 แสนรูปทั้งประเทศ
ได้เคยจับมือกันจัดทำโครงการ
"บวชพระ 1 แสนรูป" มาเป็นเวลา 10 ปีเต็มแล้ว
โดยมิได้ขอใช้งบประมาณแผ่นดินสักบาทเดียว
อันเป็นสิ่งที่ยืนยันว่าคณะสงฆ์ทั้งประเทศทำได้
หากเพียงแต่รัฐบาลมีความห่วงใย
ต่อความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน และมีความจริงใจที่จะแก้ปัญหาสังคมที่ต้นเหตุอย่างจริงจัง
โดยอาศัยฐานกำลังของพระสงฆ์ในพระพุทธศาสนา ช่วยขับเคลื่อนการแก้ปัญหาอาชญากรรมในระยะยาวจริงๆ
---------------------------------------------------------------
Cr.Ptreetep Chinungkuro
6 มกราคม 2560
14.25 น.
แค่คนๆ เดียวที่ไม่มีศีล 5 ก็สามารถปัญหาสังคมได้อย่างน่ากลัว!!!
Reviewed by Unknown
on
03:50
Rating:
ไม่มีความคิดเห็น: