เวลานี้ ชาวพุทธไทยตื่นแบบไหน ??
"ตื่น.... ตื่นแบบ'พุทธะ' หรือ ตื่นแบบ'ชาคริยะ'
เวลานี้ ชาวพุทธไทยตื่นแบบไหน
ฟังเสียงจากพระป่าตื่นใน ฝากไปถึงผู้มีอำนาจ"
@ ช่วงเทศกาลวันอาสาฬหบูชานี้ ผมขอคุยเริ่อง"ตื่น" สักหน่อย เผื่อว่าจะทำให้สบายใจเบาใจขึ้นมาบ้าง เพราะตลอดเวลาที่ผ่านมาก็เจอเรื่องหนักหนามาตลอด ถูกด่าไอ้เหี้ยไอ้สัตว์ ถูกขู่ ถูกให้ของลับ...เรื่องให้ของลับนี่ ถ้าให้กันได้และรับได้จริงๆ ป่านนี้ ผมคงมีเหลือเฟือ แต่ก็ไม่เป็นไรหรอก เพราะถือว่า โลกธรรม คือความจริงในโลกที่ไม่ว่าใครก็หนีไม่พ้น แต่โลกธรรมฝ่ายไม่น่าชอบใจนี้ สำหรับคนทำงานที่ไม่ได้หวังให้ตัวเองได้อย่างพวกเรา ยิ่งได้ยิ่งแกร่ง หากมองให้เป็น..
@ คำว่า "ตื่น" เป็นคำไทย เมื่อไปเทียบกับคำบาลีเทียบได้กับ พุทธะ และ ชาคริยะ
พุทธะ คือ ตื่นจากิเลส เพราะมีสติสมบูรณ์ ผลที่ออกมาจึงเป็น รู้แล้วตื่นพร้อมเบิกบาน เพราะไม่มีกิเลสมาทำให้ง่วง สลึมสะลือ และหลับใหล ซึ่งพระฎีกาจารย์เรียกการหลับแบบนี้อย่างไพเราะเพราะพริ้งเลยว่า "กิเลสนิททา หรือ กิเลสนิทรา - หลับด้วยกิเลส"
ส่วน ชาคริยะ คือ ตื่นแบบตื่นนอน ตื่นมาใช้ชีวิตทำงาน มีศัตรูสำคัญ คือ โกสัชชะ (ความเกียจคร้าน) หรือเรียกให้หยาบหน่อยก็ว่า ความขี้เกียจ
@ มีพระสูตรหลายสูตรที่แสดงให้เห็นว่า พระพุทธเจ้าทรงสอนให้ใช้การตื่นแบบชาคริยะพัฒนาตนเองไปสู่การตื่นแบบพุทธะ โดยทรงเรียกการใช้นี้ว่า "ชาคริยานุโยค" คือ ทำตัวให้ตื่นให้มาก แต่ตื่นด้วยสติ ตามแนวสติปัฏฐาน คือ ตื่นเพราะตามดูกาย เวทนา จิต ธรรม
@ ตื่นแบบพุทธะกับตื่นแบบชาคริยะ ผมขอเรียกง่ายๆว่า "ตื่นใน ตื่นนอก" พุทธะคือตื่นใน สติอยู่ในตัว ควบคุมความคิดและพฤติกรรมได้ และตื่นในนี้ปรากฏได้แม้ในเวลาที่หลับ จะนั่งหลับหรือนอนหลับก็ได้ ส่วนชาคริยะ คือ ตื่นนอก หมายถึงประสาทตื่น ตื่นมารับรู้และเคลื่อนไหวอิริยาบถในชีวิตประจำวัน
@ หากเราเคยฝึกสติกันมาบ้าง ก็จะมีประสบการณ์คล้ายๆกัน คือ หากฝึกจนตื่นในได้ ก็จะร่าเริงเบิกบาน และสามารถตื่นตัวรับรู้สถานการณ์ข้างนอกได้อย่างเท่าทัน นั่นคือ ตื่นในใช้เป็นตื่นนอกได้ แต่ต้องฝึกหัดใช้ เพราะบางท่านตื่นใน แต่ไม่ยอมเอามาใช้ให้เป็นตื่นนอกด้วย เพราะตัณหาหรือความรักตัวติดสุขไม่ยอม กลัวจะเสียความสุขไป
@ ผมเคยพบนักกัมมัฏฐานตื่นใน แต่ใช้เป็นตื่นนอกไม่เป็น ก็จะเอาแต่สุขเฉพาะตัว สังคมหรือสถาบันพระพุทธศาสนาจะเป็นจะตายยังไงไม่สน เอาตัวเองก่อน ดังนั้น นักกัมมัฏฐานทั้งหลายคงต้องฝึกใช้ตื่นในให้เกิดประโชน์ เพราะตอนนี้สถานการณ์พระพุทธศาสนาในบ้านเราต้องการชาวพุทธผู้ตื่นในแล้วใช้เป็นตื่นนอกได้...ไม่อย่างนั่น วัดถูกทุบถูกรื้อทิ้งหมด...แล้วจะไปนั่งตื่นในที่ไหนกันเล่า ?
@ สำหรับตื่นนอก หากขาดตื่นในควบคุมก็จะขาดความหนักแน่นมั่นคงและแหลมคม อยู่ไป ๆ ไม่ช้าเสร็จ ถูกลาภยศดึงถอยหลังหมด ในที่สุดก็หลับ แล้วหลับใหลจนห่วงอะไรไม่เป็นนอกจากห่วงตัวเอง...
@ วันนี้ ก่อนเขียนเรื่องนี้ ผมได้รับข้อเขียนจาก"พระป่าตื่นใน" รูปหนึ่ง ท่านเขียนมาถึงผมว่า
"...ช่วงนี้ทางต่างประเทศมีการก่อการร้ายกันหนักมือขึ้น บ้านเราถ้ามัวแต่มาไล่จับบุคคลที่เห็นต่างกับตนเองอยู่ ระวังว่าถ้าเขาก่อเหตุแล้วจะป้องกันไม่ทัน ถ้าเราสามารถทุ่มเททรัพยากร ในการติดตามผู้ก่อการร้ายที่จะเข้ามาในประเทศของเราได้ เหมือนกับทุ่มเททรัพยากรในการสืบข่าวเก็บข่าวจากฝ่ายตรงข้าม อาตมายืนยันว่าต่อให้สุดยอดผู้ก่อการร้ายก็ทำอะไรบ้านเราไม่ได้ ต้องบอกว่าเรื่องฉลาด ๆ ไม่ทำ แต่เรื่องโง่ ๆ ขยันกันนัก...!
ในการปกครองประเทศเราต้องดูตัวอย่างในหลวง พระองค์ท่านเอาปากท้องประชาชนเป็นใหญ่ โครงการพระราชดำริทุกโครงการเป็นไปเพื่อความอยู่เย็นเป็นสุข เพื่อความอยู่ดีกินดีของประชาชนทั้งนั้น ทุกรัฐบาลก็เห็นอยู่ ก็แค่เอาแนวพระราชดำริมาปฏิบัติให้เกิดผลเท่านั้นเอง
เราไม่สามารถที่จะบังคับให้คนทุกคนเห็นเหมือนกับเรา คิดเหมือนกับเราได้ เพราะความต่างของสภาพจิต ตลอดจนกระทั่งประสบการณ์ และในสิ่งที่ตนเองโดนกระทำมา ย่อมทำให้คนคิดต่างกันได้ แต่ถ้ายึดถือตามกฎเกณฑ์กติกา ถึงเวลาเลือกตั้งกันใหม่ ถ้าหากอีกฝ่ายหนึ่งมีคนเห็นด้วยจำนวนมาก เขาชนะเข้าไปปกครอง เรื่องก็จบ
เพียงแต่ปัจจุบันนี้เราฉีกกฎเกณฑ์กติกาทิ้ง แล้วมาตั้งกฎเกณฑ์กติกาเองเสียใหม่ โดยอ้างว่าในขณะนี้ไม่ใช่ระยะเวลาปกติ ก็ที่ไม่ปกติเพราะคุณไปทำให้ไม่ปกติ แทนที่จะปล่อยให้เป็นปกติไว ๆ กลับพยายามที่จะอยู่ต่อไปเพื่อให้ไม่ปกติยิ่ง ๆ ขึ้น ฟังแล้วเพลียจิต...!"
@ นี่แหละครับ ตัวอย่างของพระตื่นในที่ใช้เป็นตื่นนอก...ท่านรับปากแล้วครับ จะออกป่า มากู้สถานการณ์พระพุทธศาสนากับพวกเรา เมื่อได้เวลา....
@ ผมดูแล้วท่านฉลาดกว่าพวกเราหลายเท่า แต่ท่านก็ยอมรับว่า พวกเรามาถูกทางแล้ว..สหายธรรมทั้งหลาย ไปต่อกันนะ
https://m.facebook.com/story.php?story_fbid=485739744957580&id=301226330075590
เวลานี้ ชาวพุทธไทยตื่นแบบไหน
ฟังเสียงจากพระป่าตื่นใน ฝากไปถึงผู้มีอำนาจ"
@ ช่วงเทศกาลวันอาสาฬหบูชานี้ ผมขอคุยเริ่อง"ตื่น" สักหน่อย เผื่อว่าจะทำให้สบายใจเบาใจขึ้นมาบ้าง เพราะตลอดเวลาที่ผ่านมาก็เจอเรื่องหนักหนามาตลอด ถูกด่าไอ้เหี้ยไอ้สัตว์ ถูกขู่ ถูกให้ของลับ...เรื่องให้ของลับนี่ ถ้าให้กันได้และรับได้จริงๆ ป่านนี้ ผมคงมีเหลือเฟือ แต่ก็ไม่เป็นไรหรอก เพราะถือว่า โลกธรรม คือความจริงในโลกที่ไม่ว่าใครก็หนีไม่พ้น แต่โลกธรรมฝ่ายไม่น่าชอบใจนี้ สำหรับคนทำงานที่ไม่ได้หวังให้ตัวเองได้อย่างพวกเรา ยิ่งได้ยิ่งแกร่ง หากมองให้เป็น..
@ คำว่า "ตื่น" เป็นคำไทย เมื่อไปเทียบกับคำบาลีเทียบได้กับ พุทธะ และ ชาคริยะ
พุทธะ คือ ตื่นจากิเลส เพราะมีสติสมบูรณ์ ผลที่ออกมาจึงเป็น รู้แล้วตื่นพร้อมเบิกบาน เพราะไม่มีกิเลสมาทำให้ง่วง สลึมสะลือ และหลับใหล ซึ่งพระฎีกาจารย์เรียกการหลับแบบนี้อย่างไพเราะเพราะพริ้งเลยว่า "กิเลสนิททา หรือ กิเลสนิทรา - หลับด้วยกิเลส"
ส่วน ชาคริยะ คือ ตื่นแบบตื่นนอน ตื่นมาใช้ชีวิตทำงาน มีศัตรูสำคัญ คือ โกสัชชะ (ความเกียจคร้าน) หรือเรียกให้หยาบหน่อยก็ว่า ความขี้เกียจ
@ มีพระสูตรหลายสูตรที่แสดงให้เห็นว่า พระพุทธเจ้าทรงสอนให้ใช้การตื่นแบบชาคริยะพัฒนาตนเองไปสู่การตื่นแบบพุทธะ โดยทรงเรียกการใช้นี้ว่า "ชาคริยานุโยค" คือ ทำตัวให้ตื่นให้มาก แต่ตื่นด้วยสติ ตามแนวสติปัฏฐาน คือ ตื่นเพราะตามดูกาย เวทนา จิต ธรรม
@ ตื่นแบบพุทธะกับตื่นแบบชาคริยะ ผมขอเรียกง่ายๆว่า "ตื่นใน ตื่นนอก" พุทธะคือตื่นใน สติอยู่ในตัว ควบคุมความคิดและพฤติกรรมได้ และตื่นในนี้ปรากฏได้แม้ในเวลาที่หลับ จะนั่งหลับหรือนอนหลับก็ได้ ส่วนชาคริยะ คือ ตื่นนอก หมายถึงประสาทตื่น ตื่นมารับรู้และเคลื่อนไหวอิริยาบถในชีวิตประจำวัน
@ หากเราเคยฝึกสติกันมาบ้าง ก็จะมีประสบการณ์คล้ายๆกัน คือ หากฝึกจนตื่นในได้ ก็จะร่าเริงเบิกบาน และสามารถตื่นตัวรับรู้สถานการณ์ข้างนอกได้อย่างเท่าทัน นั่นคือ ตื่นในใช้เป็นตื่นนอกได้ แต่ต้องฝึกหัดใช้ เพราะบางท่านตื่นใน แต่ไม่ยอมเอามาใช้ให้เป็นตื่นนอกด้วย เพราะตัณหาหรือความรักตัวติดสุขไม่ยอม กลัวจะเสียความสุขไป
@ ผมเคยพบนักกัมมัฏฐานตื่นใน แต่ใช้เป็นตื่นนอกไม่เป็น ก็จะเอาแต่สุขเฉพาะตัว สังคมหรือสถาบันพระพุทธศาสนาจะเป็นจะตายยังไงไม่สน เอาตัวเองก่อน ดังนั้น นักกัมมัฏฐานทั้งหลายคงต้องฝึกใช้ตื่นในให้เกิดประโชน์ เพราะตอนนี้สถานการณ์พระพุทธศาสนาในบ้านเราต้องการชาวพุทธผู้ตื่นในแล้วใช้เป็นตื่นนอกได้...ไม่อย่างนั่น วัดถูกทุบถูกรื้อทิ้งหมด...แล้วจะไปนั่งตื่นในที่ไหนกันเล่า ?
@ สำหรับตื่นนอก หากขาดตื่นในควบคุมก็จะขาดความหนักแน่นมั่นคงและแหลมคม อยู่ไป ๆ ไม่ช้าเสร็จ ถูกลาภยศดึงถอยหลังหมด ในที่สุดก็หลับ แล้วหลับใหลจนห่วงอะไรไม่เป็นนอกจากห่วงตัวเอง...
@ วันนี้ ก่อนเขียนเรื่องนี้ ผมได้รับข้อเขียนจาก"พระป่าตื่นใน" รูปหนึ่ง ท่านเขียนมาถึงผมว่า
"...ช่วงนี้ทางต่างประเทศมีการก่อการร้ายกันหนักมือขึ้น บ้านเราถ้ามัวแต่มาไล่จับบุคคลที่เห็นต่างกับตนเองอยู่ ระวังว่าถ้าเขาก่อเหตุแล้วจะป้องกันไม่ทัน ถ้าเราสามารถทุ่มเททรัพยากร ในการติดตามผู้ก่อการร้ายที่จะเข้ามาในประเทศของเราได้ เหมือนกับทุ่มเททรัพยากรในการสืบข่าวเก็บข่าวจากฝ่ายตรงข้าม อาตมายืนยันว่าต่อให้สุดยอดผู้ก่อการร้ายก็ทำอะไรบ้านเราไม่ได้ ต้องบอกว่าเรื่องฉลาด ๆ ไม่ทำ แต่เรื่องโง่ ๆ ขยันกันนัก...!
ในการปกครองประเทศเราต้องดูตัวอย่างในหลวง พระองค์ท่านเอาปากท้องประชาชนเป็นใหญ่ โครงการพระราชดำริทุกโครงการเป็นไปเพื่อความอยู่เย็นเป็นสุข เพื่อความอยู่ดีกินดีของประชาชนทั้งนั้น ทุกรัฐบาลก็เห็นอยู่ ก็แค่เอาแนวพระราชดำริมาปฏิบัติให้เกิดผลเท่านั้นเอง
เราไม่สามารถที่จะบังคับให้คนทุกคนเห็นเหมือนกับเรา คิดเหมือนกับเราได้ เพราะความต่างของสภาพจิต ตลอดจนกระทั่งประสบการณ์ และในสิ่งที่ตนเองโดนกระทำมา ย่อมทำให้คนคิดต่างกันได้ แต่ถ้ายึดถือตามกฎเกณฑ์กติกา ถึงเวลาเลือกตั้งกันใหม่ ถ้าหากอีกฝ่ายหนึ่งมีคนเห็นด้วยจำนวนมาก เขาชนะเข้าไปปกครอง เรื่องก็จบ
เพียงแต่ปัจจุบันนี้เราฉีกกฎเกณฑ์กติกาทิ้ง แล้วมาตั้งกฎเกณฑ์กติกาเองเสียใหม่ โดยอ้างว่าในขณะนี้ไม่ใช่ระยะเวลาปกติ ก็ที่ไม่ปกติเพราะคุณไปทำให้ไม่ปกติ แทนที่จะปล่อยให้เป็นปกติไว ๆ กลับพยายามที่จะอยู่ต่อไปเพื่อให้ไม่ปกติยิ่ง ๆ ขึ้น ฟังแล้วเพลียจิต...!"
@ นี่แหละครับ ตัวอย่างของพระตื่นในที่ใช้เป็นตื่นนอก...ท่านรับปากแล้วครับ จะออกป่า มากู้สถานการณ์พระพุทธศาสนากับพวกเรา เมื่อได้เวลา....
@ ผมดูแล้วท่านฉลาดกว่าพวกเราหลายเท่า แต่ท่านก็ยอมรับว่า พวกเรามาถูกทางแล้ว..สหายธรรมทั้งหลาย ไปต่อกันนะ
https://m.facebook.com/story.php?story_fbid=485739744957580&id=301226330075590
เวลานี้ ชาวพุทธไทยตื่นแบบไหน ??
Reviewed by Unknown
on
01:59
Rating:
ไม่มีความคิดเห็น: