ผลกรรมของบุคคลผู้ประทุษร้ายต่อบุคคลผู้ไม่ประทุษร้าย
ผลกรรมของบุคคลผู้ประทุษร้ายต่อบุคคลผู้ไม่ประทุษร้าย
บุคคลผู้ประทุษร้ายต่อบุคคลผู้ไม่ประทุษร้าย ย่อมถึงความพินาศฉิบหายด้วยเหตุ ๑๐ ประการ
“ผู้ใด ประทุษร้ายในท่านผู้ไม่ประทุษร้ายทั้งหลาย ผู้ไม่มีอาชญา ด้วยอาชญา ย่อมถึงฐานะ ๑๐ อย่าง อย่างใดอย่างหนึ่งพลันทีเดียว คือ
ถึงเวทนากล้า ๑
ความเสื่อมทรัพย์ ๑
ความสลายแห่งสรีระ ๑
อาพาธหนัก ๑
ความฟุ้งซ่านแห่งจิต ๑
ความขัดข้องแต่พระราชา ๑
การถูกกล่าวตู่อย่างร้ายแรง ๑
ความย่อยยับแห่งเครือญาติ ๑
ความเสียหายแห่งโภคะทั้งหลาย ๑
อีกอย่างหนึ่ง ไฟป่าย่อมไหม้เรือนของเขา,
ผู้นั้นมีปัญญาทราม เพราะกายแตก ย่อมเข้าถึงนรก.”
ดังเรื่องของนันทยักษ์ตีศรีพระมหาเถระ
นันทยักษ์ มีฤทธิ์เดชมาก วันหนึ่ง นันทยักษ์ได้เหาะเหินเดินอากาศมากับเหมตายักษ์ ผู้เป็นสหาย ครั้นผ่านมาถึงที่พระสารีบุตร สาวกของพระพุทธองค์กำลังเข้านิโรธสมาบัติอยู่ ทำให้อากาศธาตุในบริเวณนั้นว่างเปล่า ยักษ์สองสหายไม่สามารถเหาะผ่านไปได้
นันทยักษ์ผู้มีนิสัยพาล ชาติก่อนก็อาฆาตผูกพยาบาทกับพระเถระไว้ จึงได้มาทำกรรมหนักต่อพระสารีบุตรด้วยสันดานพาล
เหมตายักษ์ ได้ทัดทาน แต่นันทยักษ์ก็ไม่ฟัง เหาะขึ้นกลางอากาศแล้วใช้กระบองซึ่งเป็นอาวุธประจำตน ฟาดลงมาหมายเศียรของพระสารีบุตร แต่พระสารีบุตรซึ่งอยู่ในสมาธิหาเป็นอันตรายอย่างใดไม่ ยิ่งทำให้นันทยักษ์เกิดเร่าร้อนในอารมณ์ ตะโกนก้องไปทั่วทิศว่า “เราร้อน....เราร้อน”
ทันใดก็ตกลงมาจากอากาศ พลันแผ่นดินก็เปิด สูบเอานันทยักษ์ลงขุมนรกอเวจี
ส่วนในปัจจุบันจะเห็นว่ามีบุคคลบางพวกออกมาบริภาษด่าว่าพระภิกษุผู้มีศีลธรรม ก็จัดเป็นกรรมหนักเช่นกัน ดังเรื่อง ปลาทองปากเหม็น เคยเป็นภิกษุชื่อกปิละ เป็นพหูสูตร มีบริวารมาก ในสมัยพระผู้มีพระภาคเจ้าทรง พระนามว่ากัสสปะ
แต่ถูกความทะยานอยากในลาภครอบงำ แล้วด่าบริภาษพวกภิกษุผู้ที่ไม่เชื่อคำของตน ทำให้พระศาสนาเสื่อมลง จึงไปเกิดในอเวจีนรก แล้วก็มาเกิดเป็นปลา แต่ด้วยเหตุที่ภิกษุกปิละได้บอกพระพุทธวจนะกล่าวสรรเสริญคุณของพระพุทธเจ้าสิ้นกาลนาน จึงได้อัตตภาพ มีสีเหลือง เหมือนทองคำ แต่ด้วยกรรมที่ได้ด่าบริภาษภิกษุ ผู้มีศีลทั้งหลายทั้งหลาย ส่งผลให้มีกลิ่นเหม็นฟุ้งออกจากปาก
ลิงค์ https://www.facebook.com/dmc072/videos/10152249574718381/
บุคคลผู้ประทุษร้ายต่อบุคคลผู้ไม่ประทุษร้าย ย่อมถึงความพินาศฉิบหายด้วยเหตุ ๑๐ ประการ
“ผู้ใด ประทุษร้ายในท่านผู้ไม่ประทุษร้ายทั้งหลาย ผู้ไม่มีอาชญา ด้วยอาชญา ย่อมถึงฐานะ ๑๐ อย่าง อย่างใดอย่างหนึ่งพลันทีเดียว คือ
ถึงเวทนากล้า ๑
ความเสื่อมทรัพย์ ๑
ความสลายแห่งสรีระ ๑
อาพาธหนัก ๑
ความฟุ้งซ่านแห่งจิต ๑
ความขัดข้องแต่พระราชา ๑
การถูกกล่าวตู่อย่างร้ายแรง ๑
ความย่อยยับแห่งเครือญาติ ๑
ความเสียหายแห่งโภคะทั้งหลาย ๑
อีกอย่างหนึ่ง ไฟป่าย่อมไหม้เรือนของเขา,
ผู้นั้นมีปัญญาทราม เพราะกายแตก ย่อมเข้าถึงนรก.”
ดังเรื่องของนันทยักษ์ตีศรีพระมหาเถระ
นันทยักษ์ มีฤทธิ์เดชมาก วันหนึ่ง นันทยักษ์ได้เหาะเหินเดินอากาศมากับเหมตายักษ์ ผู้เป็นสหาย ครั้นผ่านมาถึงที่พระสารีบุตร สาวกของพระพุทธองค์กำลังเข้านิโรธสมาบัติอยู่ ทำให้อากาศธาตุในบริเวณนั้นว่างเปล่า ยักษ์สองสหายไม่สามารถเหาะผ่านไปได้
นันทยักษ์ผู้มีนิสัยพาล ชาติก่อนก็อาฆาตผูกพยาบาทกับพระเถระไว้ จึงได้มาทำกรรมหนักต่อพระสารีบุตรด้วยสันดานพาล
เหมตายักษ์ ได้ทัดทาน แต่นันทยักษ์ก็ไม่ฟัง เหาะขึ้นกลางอากาศแล้วใช้กระบองซึ่งเป็นอาวุธประจำตน ฟาดลงมาหมายเศียรของพระสารีบุตร แต่พระสารีบุตรซึ่งอยู่ในสมาธิหาเป็นอันตรายอย่างใดไม่ ยิ่งทำให้นันทยักษ์เกิดเร่าร้อนในอารมณ์ ตะโกนก้องไปทั่วทิศว่า “เราร้อน....เราร้อน”
ทันใดก็ตกลงมาจากอากาศ พลันแผ่นดินก็เปิด สูบเอานันทยักษ์ลงขุมนรกอเวจี
แต่ถูกความทะยานอยากในลาภครอบงำ แล้วด่าบริภาษพวกภิกษุผู้ที่ไม่เชื่อคำของตน ทำให้พระศาสนาเสื่อมลง จึงไปเกิดในอเวจีนรก แล้วก็มาเกิดเป็นปลา แต่ด้วยเหตุที่ภิกษุกปิละได้บอกพระพุทธวจนะกล่าวสรรเสริญคุณของพระพุทธเจ้าสิ้นกาลนาน จึงได้อัตตภาพ มีสีเหลือง เหมือนทองคำ แต่ด้วยกรรมที่ได้ด่าบริภาษภิกษุ ผู้มีศีลทั้งหลายทั้งหลาย ส่งผลให้มีกลิ่นเหม็นฟุ้งออกจากปาก
ลิงค์ https://www.facebook.com/dmc072/videos/10152249574718381/
ผลกรรมของบุคคลผู้ประทุษร้ายต่อบุคคลผู้ไม่ประทุษร้าย
Reviewed by Unknown
on
05:08
Rating:
ไม่มีความคิดเห็น: