อานิสงส์หรือผลดีของ "การทอดกฐิน" >>พิธีบุญ ทางพระพุทธศาสนา!!
อานิสงส์หรือผลดีของการทอดกฐิน!!!
การทอดกฐินถือเป็นการทำบุญพิเศษซึ่งผู้ทอดต้องตระเตรียมจัดทำเป็นงานใหญ่ ต้องร่วมมือกันหลายคนถึงจะสำเร็จ!
จึงเชื่อกันว่า การทอดกฐินเป็นพิธีที่ก่อให้เกิดบุญที่มีอานิสงส์แรง!!
ผลดีของการทอดกฐินนั้นมีหลายประการคือ ได้สงเคราะห์พระสงฆ์ผู้จำพรรษาให้ได้ผ้านุ่งห่มใหม่ ได้ชื่อว่าทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา
ได้ชื่อว่าก่อให้เกิดความสามัคคีเพราะเป็น การร่วมมือกัน ทำคุณงามความดี
และหากการถวายกฐินนั้น มีส่วนในการบูรณปฏิสังขรณ์วัดวาอาราม ก็จะได้ชื่อว่า มีส่วนช่วยรักษา ศาสนสถานและศาสนวัตถุ ให้ยั่งยืนต่อไป
นอกจากนี้ การทอดกฐินมิได้มีอานิสงส์เฉพาะเจ้าของกฐินเท่านั้น แม้ผู้ชักชวนให้ผู้อื่นทอดกฐิน ก็ได้รับอานิสงส์เช่นกัน
ดังหลักฐานใน "นรชีวกฐินทานชาดก" ซึ่งเป็นหนึ่งในปัญญาสชาดก ได้เล่าเรื่องที่พระพุทธองค์เมื่อครั้งเสวยพระชาติเกิดเป็นนายนรชีวะอยู่ในครอบครัวยากจน
แต่ได้ชักชวนเศรษฐี ที่มีความเลื่อมใส ในพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระนามว่า ปทุมุตตระ
ให้มีศรัทธา ถวายผ้ากฐิน แด่พระภิกษุสงฆ์ ที่มีพระพุทธองค์ ทรงเป็นประธาน เศรษฐีมีความยินดี จัดกฐินไปถวาย พระภิกษุสงฆ์และทูลถาม พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ถึงผลหรืออานิสงส์ แห่งการถวายผ้ากฐิน
พระปทุมุตตรสัมพุทธเจ้าตรัสตอบว่า..
“บุคคลเหล่าใดปรารถนาหาความสุขนั้น ได้ถวายผ้ากฐินจีวรไว้ บุคคลเหล่านั้นจะพ้นจากความทุกข์
เมื่อละโลกนี้ไปแล้ว ก็ย่อมจะถึงความสุขในหมู่เทวดาและมนุษย์ และจะไม่ไปเกิดในอบายภูมิมีนรกเป็นต้น นี้เป็นผลแห่งกฐินทาน”
กฐินทานเป็นกาลทานอันยิ่งใหญ่
ที่ก่อให้เกิดอานิสงส์มากมาย
แก่ผู้ทอดถวาย
เมื่อเศรษฐีได้ฟังอานิสงส์กฐินทานเช่นนั้น ก็มีใจชื่นบานยิ่งนัก
ส่วนนายนรชีวะที่หมอบกราบแทบพระบาทของพระพุทธเจ้า ได้กราบทูลว่า ตนเป็นผู้ชักชวนให้เศรษฐีมาทำบุญสำเร็จด้วยกาย วาจา ใจ จึงขอตั้งวาจาธิษฐานว่า
“ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ด้วยกุศลผลบุญที่ข้าพระองค์ได้ชักนำกุฎุมพี (เศรษฐี) ให้ถวายผ้ากฐินนี้
ขอให้ข้าพระองค์เป็นพระพุทธเจ้าองค์หนึ่งในกาลภายหน้า แม้ข้าพระองค์ยังไม่ไปถึงความเป็นพระพุทธเจ้าตราบใด ชื่อว่าความเข็ญใจอย่าได้มีแก่ข้าพระองค์เลย พระเจ้าข้า”
พระปทุมุตตรสัมพุทธเจ้าทรงพยากรณ์ว่า ด้วยผลแห่งบุญนั้น นายนรชีวะจะได้ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าศากยมุนีในอนาคตกาล ก็คือพระพุทธเจ้าของเราทั้งหลายในปัจจุบันนี้นี่เอง
ขอบคุณภาพจาก google.com
Cr.kalyanamitra
การทอดกฐินถือเป็นการทำบุญพิเศษซึ่งผู้ทอดต้องตระเตรียมจัดทำเป็นงานใหญ่ ต้องร่วมมือกันหลายคนถึงจะสำเร็จ!
จึงเชื่อกันว่า การทอดกฐินเป็นพิธีที่ก่อให้เกิดบุญที่มีอานิสงส์แรง!!
ผลดีของการทอดกฐินนั้นมีหลายประการคือ ได้สงเคราะห์พระสงฆ์ผู้จำพรรษาให้ได้ผ้านุ่งห่มใหม่ ได้ชื่อว่าทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา
ได้ชื่อว่าก่อให้เกิดความสามัคคีเพราะเป็น การร่วมมือกัน ทำคุณงามความดี
และหากการถวายกฐินนั้น มีส่วนในการบูรณปฏิสังขรณ์วัดวาอาราม ก็จะได้ชื่อว่า มีส่วนช่วยรักษา ศาสนสถานและศาสนวัตถุ ให้ยั่งยืนต่อไป
นอกจากนี้ การทอดกฐินมิได้มีอานิสงส์เฉพาะเจ้าของกฐินเท่านั้น แม้ผู้ชักชวนให้ผู้อื่นทอดกฐิน ก็ได้รับอานิสงส์เช่นกัน
ดังหลักฐานใน "นรชีวกฐินทานชาดก" ซึ่งเป็นหนึ่งในปัญญาสชาดก ได้เล่าเรื่องที่พระพุทธองค์เมื่อครั้งเสวยพระชาติเกิดเป็นนายนรชีวะอยู่ในครอบครัวยากจน
แต่ได้ชักชวนเศรษฐี ที่มีความเลื่อมใส ในพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระนามว่า ปทุมุตตระ
ให้มีศรัทธา ถวายผ้ากฐิน แด่พระภิกษุสงฆ์ ที่มีพระพุทธองค์ ทรงเป็นประธาน เศรษฐีมีความยินดี จัดกฐินไปถวาย พระภิกษุสงฆ์และทูลถาม พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ถึงผลหรืออานิสงส์ แห่งการถวายผ้ากฐิน
พระปทุมุตตรสัมพุทธเจ้าตรัสตอบว่า..
“บุคคลเหล่าใดปรารถนาหาความสุขนั้น ได้ถวายผ้ากฐินจีวรไว้ บุคคลเหล่านั้นจะพ้นจากความทุกข์
เมื่อละโลกนี้ไปแล้ว ก็ย่อมจะถึงความสุขในหมู่เทวดาและมนุษย์ และจะไม่ไปเกิดในอบายภูมิมีนรกเป็นต้น นี้เป็นผลแห่งกฐินทาน”
กฐินทานเป็นกาลทานอันยิ่งใหญ่
ที่ก่อให้เกิดอานิสงส์มากมาย
แก่ผู้ทอดถวาย
เมื่อเศรษฐีได้ฟังอานิสงส์กฐินทานเช่นนั้น ก็มีใจชื่นบานยิ่งนัก
ส่วนนายนรชีวะที่หมอบกราบแทบพระบาทของพระพุทธเจ้า ได้กราบทูลว่า ตนเป็นผู้ชักชวนให้เศรษฐีมาทำบุญสำเร็จด้วยกาย วาจา ใจ จึงขอตั้งวาจาธิษฐานว่า
“ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ด้วยกุศลผลบุญที่ข้าพระองค์ได้ชักนำกุฎุมพี (เศรษฐี) ให้ถวายผ้ากฐินนี้
ขอให้ข้าพระองค์เป็นพระพุทธเจ้าองค์หนึ่งในกาลภายหน้า แม้ข้าพระองค์ยังไม่ไปถึงความเป็นพระพุทธเจ้าตราบใด ชื่อว่าความเข็ญใจอย่าได้มีแก่ข้าพระองค์เลย พระเจ้าข้า”
พระปทุมุตตรสัมพุทธเจ้าทรงพยากรณ์ว่า ด้วยผลแห่งบุญนั้น นายนรชีวะจะได้ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าศากยมุนีในอนาคตกาล ก็คือพระพุทธเจ้าของเราทั้งหลายในปัจจุบันนี้นี่เอง
ขอบคุณภาพจาก google.com
Cr.kalyanamitra
อานิสงส์หรือผลดีของ "การทอดกฐิน" >>พิธีบุญ ทางพระพุทธศาสนา!!
Reviewed by Unknown
on
21:47
Rating:
ไม่มีความคิดเห็น: