มานพหนุ่มผู้ได้ผ้าทิพย์จากต้นกัลปพฤกษ์ ตอนที่ 1
บุญเป็นสิ่งที่ควรสร้าง ทานเป็นสิ่งที่ควรสั่งสม เพราะเป็นเหตุแห่งความสุขและความสำเร็จในชีวิต
อีกทั้งเป็นต้นทางแห่งสวรรค์ บุคคลผู้ฉลาดจึงควรหมั่นสั่งสมทานอยู่เนืองๆ
การทอดกฐินนั้น วัตถุประสงค์ดั้งเดิม คือ การถวายผ้าจีวรซึ่งเป็นเครื่องนุ่งห่มของพระภิกษุ ให้ท่านรับผ้าชุดใหม่ในฤดูกาลที่ออกพรรษาแล้ว
เพื่อท่านจะได้จาริกไปสู่ที่สงบสงัด แสวงหาที่วิเวกปฏิบัติธรรมโดยปราศจากความกังวลว่า ในระหว่างนั้น...ผ้าชุดเก่าจะเปื่อยขาดเสียก่อน
>>>การถวายผ้าในช่วงฤดูกาลที่ท่านมีความจำเป็นต้องใช้ จึงมีอานิสงส์มาก.
เพราะท่านได้ใช้ผ้านั้นให้เกิดประโยชน์อย่างแท้จริง ซึ่งอานิสงส์ที่เกิดจากการทอดกฐินนั้นมีมากมาย
ดังเรื่องของมานพหนุ่มชาวเมืองพาราณสี ที่ท่านเคยได้เสวยทิพยสมบัติในสวรรค์ และได้สมบัติอัศจรรย์มาแล้ว
ในอดีตกาล มานพหนุ่มท่านนี้ได้เกิดในสมัยที่โลกว่างจากพระพุทธศาสนา
แต่ท่านเป็นผู้ที่มีวาสนา ขณะที่ท่านเดินเที่ยวไปในป่า ได้เห็นพระปัจเจกพุทธเจ้ารูปหนึ่ง ซึ่งท่านกำลังทำจีวรอยู่ เมื่อผ้าไม่พอทำจีวร ท่านก็เริ่มจะพับเก็บ
ฝ่ายมานพหนุ่มเห็นกิริยาของท่านดังนั้น จึงเข้าไปถามว่า “ท่านทำอะไรขอรับ”-ฝ่ายพระปัจเจกพุทธเจ้าก็มิได้กล่าวสิ่งใด เพราะท่านเป็นผู้มักน้อย
แต่มานพหนุ่มเป็นผู้มีปัญญา รู้ว่าผ้าไม่พอทำจีวร จึงวางผ้าสำหรับห่มคลุมไหล่ เนื้อดีของตน ทอดถวายไว้ใกล้ๆเท้าของพระปัจเจกพุทธเจ้า
ฝ่ายพระปัจเจกพุทธเจ้าก็ได้ถือเอาผ้าห่มคลุมไหล่ผืนนั้น มาใช้ประกอบกัน เย็บจนสำเร็จเป็นจีวร แล้วได้ใช้ผลัดเปลี่ยนกับจีวรผืนเก่าของท่านต่อไป
พระสมณโคดมสัมมาสัมพุทธเจ้า
วันหนึ่ง มีข่าวการเล่นนักขัตฤกษ์ มานพนั้นจึงไปบอกมารดาว่า “คุณแม่ครับ ขอผ้านุ่งห่มให้กระผมด้วยเถิด กระผมจะไปเล่นนักขัตฤกษ์”
-มารดาของท่านจึงไปนำเอาผ้าผืนใหม่ที่สุดในบ้านมาให้หนึ่งผืน แต่บุตรชายไม่รับและบอกว่าผ้าผืนนี้เนื้อหยาบเกินไป
ผู้เป็นมารดาจึงกลับไปค้นหาผ้าผืนใหม่ที่สวยกว่าผืนเดิมมาให้อีก แต่บุตรชายก็ยังไม่ยอมรับและบอกว่ายังเป็นผ้าเนื้อหยาบอยู่ดี
ผู้เป็นมารดาจึงบอกว่า “ตระกูลของเรามีฐานะเท่านี้ ไม่อาจหาผ้าที่เนื้อดีกว่านี้ได้อีกแล้ว”
-มานพนั้นจึงกล่าวว่า “ไม่เป็นไรครับคุณแม่ กระผมจะออกไปแสวงหาผ้าเนื้อดีเอง”
มานพหนุ่มจึงเดินออกไปแสวงหาผ้า เดินไปเรื่อยๆจนถึงเมืองพาราณสี และด้วยบุญชักนำจึงเดินเข้าไปในราชอุทยานของพระราชา
ครั้นเดินเข้าไปภายในราชอุทยานแล้ว มานพหนุ่มเห็นบรรยากาศร่มรื่นจึงนอนพักผ่อนบนแท่นมงคลศิลา โดยเอาผ้าคลุมตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า
ในวันนั้นครบรอบเจ็ดวันของการสวรรคตของพระเจ้ากรุงพาราณสี เหล่าอำมาตย์ราชปุโรหิตต่างประชุมปรึกษากันว่าจะเลือกใครขึ้นเป็นพระราชาองค์ต่อไป
เหล่าเสนาอำมาตย์และปุโรหิตตกลงกันว่าจะทำพิธีเสี่ยงทาย โดยใช้ราชรถเทียมม้าของพระราชาให้วิ่งออกไป ถ้าไปหยุดอยู่ตรงหน้าใคร ก็จะให้ผู้นั้นเป็นพระราชา
ราชรถได้วิ่งออกนอกเมืองไปด้วยความรวดเร็ว จากนั้นราชรถก็วิ่งย้อนกลับมา แล้ววิ่งเข้าไปในราชอุทยานของพระราชา ราชรถวิ่งมาหยุดตรงแท่นศิลาที่มานพหนุ่มนอนหลับอยู่
เหล่าอำมาตย์ราชปุโรหิตจึงสั่งให้เหล่านักดนตรีมาบรรเลงเพลงเพื่อปลุกมานพหนุ่ม
เมื่อเขาตื่นขึ้นมาแล้วเหล่าอำมาตย์ก็ได้ทูลเชิญมานพหนุ่มนั้น เพื่อขึ้นเสวยราชสมบัติเป็นพระราชาปกครองเมืองพาราณสีต่อไป
มานพหนุ่มจึงถามว่า “พระราชาองค์ก่อนไม่มีรัชทายาทสืบทอดราชบัลลังก์หรือ”
อำมาตย์ตอบว่า “ไม่มีพระเจ้าค่ะ พระองค์ทรงมีแต่พระราชธิดา”
มานพหนุ่มจึงตอบตกลงว่า “ถ้าเช่นนั้น เราจะเป็นพระราชาให้”
เมื่อมานพหนุ่มรับปากว่าจะเป็นพระราชา เหล่าอำมาตย์จึงน้อมเอาภูษาของพระราชามามอบให้มานพหนุ่มนั้น
แต่มานพหนุ่มนั้นไม่รับและบอกว่า “นี่เป็นผ้าเนื้อหยาบ ยังมีผ้าเนื้อดีกว่านี้อีกหรือไม่”-อำมาตย์ตอบว่า “พระราชองค์ก่อนก็ทรงใช้ผ้าชนิดเดียวกันนี้ ในเมืองนี้ไม่มีผ้าที่จะดีกว่านี้อีกแล้วพระเจ้าค่ะ”
มานพหนุ่มจึงให้ไปนำพระเต้าทองคำมาเพื่อล้างมือและบ้วนปาก เหล่าเสนาอำมาตย์ได้นำพระเต้าทองคำมามอบให้แก่มานพหนุ่ม
เขาได้นำน้ำในพระเต้าทองคำมาเทใส่มือ และได้นำน้ำนั้นมาล้างมือและบ้วนปาก และพรมน้ำนั้นออกไปในทิศทั้งสี่
ทันทีที่น้ำพรมลงพื้น ได้บังเกิดต้นกัลปพฤกษ์ขึ้นมาในทิศทั้งสี่ ทิศละแปดต้น รวมเป็นสามสิบสองต้น ต้นกัลปพฤกษ์ที่เกิดด้วยอำนาจบุญ มีขนาดใหญ่มาก มีรัศมีเรืองรอง
มานพหนุ่มจึงเดินเข้าไปที่ต้นไม้นั้น และเหยียดมือออกไปทางต้นกัลปพฤกษ์ต้นหนึ่ง
เมื่อผู้มีบุญตั้งจิตปรารถนา...เหยียดมืออกมา ดอกกัลปพฤกษ์ก็จะค่อยๆ ตูมขึ้นมาหนึ่งดอก ขนาดใหญ่กว่าดอกอื่นๆ จากนั้นก็ค่อยๆบานออกแล้วโน้มช่อดอกลงมา
ที่กลางดอกนั้นมีผ้าทิพย์ ดอกสีอะไรผ้าก็จะเป็นสีนั้น ถ้าดอกกัลปพฤกษ์สีแดงผ้าทิพย์ก็จะเป็นสีแดง ถ้าดอกกัลปพฤกษ์สีเหลือง เมื่อดอกบานก็จะมีผ้าทิพย์สีเหลืองอยู่กลางดอก
เมื่อมานพนั้นได้ผ้าแล้ว จึงบอกกับเหล่าอำมาตย์ว่า “ท่านจงไปบอกหญิงทอผ้าทั้งหลายในเมืองนี้ว่า...ไม่ต้องทอผ้าอีกแล้ว จงมานำผ้าที่ต้นกัลปพฤกษ์ไปใช้เถิด”
-หลังจากนั้น มานพหนุ่มก็ขึ้นครองราชย์ มีพระนามว่า “พระเจ้านันทราช”
เรื่องนี้ชี้ให้เห็นว่า สมบัติอัศจรรย์นั้นสามารถเกิดขึ้นได้จริง เพราะมีผู้เคยได้รับสมบัตินั้นมาแล้ว
เรียบเรียงจากรายการโรงเรียนอนุบาลฝันในฝันวิทยา
อีกทั้งเป็นต้นทางแห่งสวรรค์ บุคคลผู้ฉลาดจึงควรหมั่นสั่งสมทานอยู่เนืองๆ
การทอดกฐินนั้น วัตถุประสงค์ดั้งเดิม คือ การถวายผ้าจีวรซึ่งเป็นเครื่องนุ่งห่มของพระภิกษุ ให้ท่านรับผ้าชุดใหม่ในฤดูกาลที่ออกพรรษาแล้ว
เพื่อท่านจะได้จาริกไปสู่ที่สงบสงัด แสวงหาที่วิเวกปฏิบัติธรรมโดยปราศจากความกังวลว่า ในระหว่างนั้น...ผ้าชุดเก่าจะเปื่อยขาดเสียก่อน
>>>การถวายผ้าในช่วงฤดูกาลที่ท่านมีความจำเป็นต้องใช้ จึงมีอานิสงส์มาก.
เพราะท่านได้ใช้ผ้านั้นให้เกิดประโยชน์อย่างแท้จริง ซึ่งอานิสงส์ที่เกิดจากการทอดกฐินนั้นมีมากมาย
ดังเรื่องของมานพหนุ่มชาวเมืองพาราณสี ที่ท่านเคยได้เสวยทิพยสมบัติในสวรรค์ และได้สมบัติอัศจรรย์มาแล้ว
ในอดีตกาล มานพหนุ่มท่านนี้ได้เกิดในสมัยที่โลกว่างจากพระพุทธศาสนา
แต่ท่านเป็นผู้ที่มีวาสนา ขณะที่ท่านเดินเที่ยวไปในป่า ได้เห็นพระปัจเจกพุทธเจ้ารูปหนึ่ง ซึ่งท่านกำลังทำจีวรอยู่ เมื่อผ้าไม่พอทำจีวร ท่านก็เริ่มจะพับเก็บ
ฝ่ายมานพหนุ่มเห็นกิริยาของท่านดังนั้น จึงเข้าไปถามว่า “ท่านทำอะไรขอรับ”-ฝ่ายพระปัจเจกพุทธเจ้าก็มิได้กล่าวสิ่งใด เพราะท่านเป็นผู้มักน้อย
แต่มานพหนุ่มเป็นผู้มีปัญญา รู้ว่าผ้าไม่พอทำจีวร จึงวางผ้าสำหรับห่มคลุมไหล่ เนื้อดีของตน ทอดถวายไว้ใกล้ๆเท้าของพระปัจเจกพุทธเจ้า
ฝ่ายพระปัจเจกพุทธเจ้าก็ได้ถือเอาผ้าห่มคลุมไหล่ผืนนั้น มาใช้ประกอบกัน เย็บจนสำเร็จเป็นจีวร แล้วได้ใช้ผลัดเปลี่ยนกับจีวรผืนเก่าของท่านต่อไป
พระสมณโคดมสัมมาสัมพุทธเจ้า
วันหนึ่ง มีข่าวการเล่นนักขัตฤกษ์ มานพนั้นจึงไปบอกมารดาว่า “คุณแม่ครับ ขอผ้านุ่งห่มให้กระผมด้วยเถิด กระผมจะไปเล่นนักขัตฤกษ์”
-มารดาของท่านจึงไปนำเอาผ้าผืนใหม่ที่สุดในบ้านมาให้หนึ่งผืน แต่บุตรชายไม่รับและบอกว่าผ้าผืนนี้เนื้อหยาบเกินไป
ผู้เป็นมารดาจึงกลับไปค้นหาผ้าผืนใหม่ที่สวยกว่าผืนเดิมมาให้อีก แต่บุตรชายก็ยังไม่ยอมรับและบอกว่ายังเป็นผ้าเนื้อหยาบอยู่ดี
ผู้เป็นมารดาจึงบอกว่า “ตระกูลของเรามีฐานะเท่านี้ ไม่อาจหาผ้าที่เนื้อดีกว่านี้ได้อีกแล้ว”
-มานพนั้นจึงกล่าวว่า “ไม่เป็นไรครับคุณแม่ กระผมจะออกไปแสวงหาผ้าเนื้อดีเอง”
มานพหนุ่มจึงเดินออกไปแสวงหาผ้า เดินไปเรื่อยๆจนถึงเมืองพาราณสี และด้วยบุญชักนำจึงเดินเข้าไปในราชอุทยานของพระราชา
ครั้นเดินเข้าไปภายในราชอุทยานแล้ว มานพหนุ่มเห็นบรรยากาศร่มรื่นจึงนอนพักผ่อนบนแท่นมงคลศิลา โดยเอาผ้าคลุมตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า
ในวันนั้นครบรอบเจ็ดวันของการสวรรคตของพระเจ้ากรุงพาราณสี เหล่าอำมาตย์ราชปุโรหิตต่างประชุมปรึกษากันว่าจะเลือกใครขึ้นเป็นพระราชาองค์ต่อไป
เหล่าเสนาอำมาตย์และปุโรหิตตกลงกันว่าจะทำพิธีเสี่ยงทาย โดยใช้ราชรถเทียมม้าของพระราชาให้วิ่งออกไป ถ้าไปหยุดอยู่ตรงหน้าใคร ก็จะให้ผู้นั้นเป็นพระราชา
ราชรถได้วิ่งออกนอกเมืองไปด้วยความรวดเร็ว จากนั้นราชรถก็วิ่งย้อนกลับมา แล้ววิ่งเข้าไปในราชอุทยานของพระราชา ราชรถวิ่งมาหยุดตรงแท่นศิลาที่มานพหนุ่มนอนหลับอยู่
เหล่าอำมาตย์ราชปุโรหิตจึงสั่งให้เหล่านักดนตรีมาบรรเลงเพลงเพื่อปลุกมานพหนุ่ม
เมื่อเขาตื่นขึ้นมาแล้วเหล่าอำมาตย์ก็ได้ทูลเชิญมานพหนุ่มนั้น เพื่อขึ้นเสวยราชสมบัติเป็นพระราชาปกครองเมืองพาราณสีต่อไป
มานพหนุ่มจึงถามว่า “พระราชาองค์ก่อนไม่มีรัชทายาทสืบทอดราชบัลลังก์หรือ”
อำมาตย์ตอบว่า “ไม่มีพระเจ้าค่ะ พระองค์ทรงมีแต่พระราชธิดา”
มานพหนุ่มจึงตอบตกลงว่า “ถ้าเช่นนั้น เราจะเป็นพระราชาให้”
เมื่อมานพหนุ่มรับปากว่าจะเป็นพระราชา เหล่าอำมาตย์จึงน้อมเอาภูษาของพระราชามามอบให้มานพหนุ่มนั้น
แต่มานพหนุ่มนั้นไม่รับและบอกว่า “นี่เป็นผ้าเนื้อหยาบ ยังมีผ้าเนื้อดีกว่านี้อีกหรือไม่”-อำมาตย์ตอบว่า “พระราชองค์ก่อนก็ทรงใช้ผ้าชนิดเดียวกันนี้ ในเมืองนี้ไม่มีผ้าที่จะดีกว่านี้อีกแล้วพระเจ้าค่ะ”
มานพหนุ่มจึงให้ไปนำพระเต้าทองคำมาเพื่อล้างมือและบ้วนปาก เหล่าเสนาอำมาตย์ได้นำพระเต้าทองคำมามอบให้แก่มานพหนุ่ม
เขาได้นำน้ำในพระเต้าทองคำมาเทใส่มือ และได้นำน้ำนั้นมาล้างมือและบ้วนปาก และพรมน้ำนั้นออกไปในทิศทั้งสี่
ทันทีที่น้ำพรมลงพื้น ได้บังเกิดต้นกัลปพฤกษ์ขึ้นมาในทิศทั้งสี่ ทิศละแปดต้น รวมเป็นสามสิบสองต้น ต้นกัลปพฤกษ์ที่เกิดด้วยอำนาจบุญ มีขนาดใหญ่มาก มีรัศมีเรืองรอง
มานพหนุ่มจึงเดินเข้าไปที่ต้นไม้นั้น และเหยียดมือออกไปทางต้นกัลปพฤกษ์ต้นหนึ่ง
เมื่อผู้มีบุญตั้งจิตปรารถนา...เหยียดมืออกมา ดอกกัลปพฤกษ์ก็จะค่อยๆ ตูมขึ้นมาหนึ่งดอก ขนาดใหญ่กว่าดอกอื่นๆ จากนั้นก็ค่อยๆบานออกแล้วโน้มช่อดอกลงมา
ที่กลางดอกนั้นมีผ้าทิพย์ ดอกสีอะไรผ้าก็จะเป็นสีนั้น ถ้าดอกกัลปพฤกษ์สีแดงผ้าทิพย์ก็จะเป็นสีแดง ถ้าดอกกัลปพฤกษ์สีเหลือง เมื่อดอกบานก็จะมีผ้าทิพย์สีเหลืองอยู่กลางดอก
เมื่อมานพนั้นได้ผ้าแล้ว จึงบอกกับเหล่าอำมาตย์ว่า “ท่านจงไปบอกหญิงทอผ้าทั้งหลายในเมืองนี้ว่า...ไม่ต้องทอผ้าอีกแล้ว จงมานำผ้าที่ต้นกัลปพฤกษ์ไปใช้เถิด”
-หลังจากนั้น มานพหนุ่มก็ขึ้นครองราชย์ มีพระนามว่า “พระเจ้านันทราช”
เรื่องนี้ชี้ให้เห็นว่า สมบัติอัศจรรย์นั้นสามารถเกิดขึ้นได้จริง เพราะมีผู้เคยได้รับสมบัตินั้นมาแล้ว
เรียบเรียงจากรายการโรงเรียนอนุบาลฝันในฝันวิทยา
มานพหนุ่มผู้ได้ผ้าทิพย์จากต้นกัลปพฤกษ์ ตอนที่ 1
Reviewed by Unknown
on
01:13
Rating:
ไม่มีความคิดเห็น: