"บทบาทพระธรรมทูตไทยเป็นประธานชักธงชาติ 30 โรงเรียนในวันชาติอินเดีย ครบ 70 ปี"
15 สิงหาคม 1947 (พ.ศ.2490) Independence Day นับเป็นวันที่คนอินเดียทั้งชาติร่วมเฉลิมฉลองกันอย่างมีความสุข ในวันประกาศอิสระภาพ 70 ปี จากการที่ประเทศนี้เคยตกเป็นเมืองขึ้นของอังกฤษ และสามารถต่อสู้เรียกร้องอิสรภาพได้เพราะพลังแห่งความรักชาติและความสามัคคี ปึกแผ่นเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันของคนในชาติบรรพบุรุษนักสู้ของเขาต้องสละชีวีตเพื่อชาติไปเป็นจำนวนมาก
วัดไทยกุสินาราเฉลิมราชย์ รัฐอุตตรประเทศ พระสงฆ์ไทยได้รับเกียรติเป็นพิเศษเป็นประจำทุกปี ได้นิมนต์ไปเป็นประธานในพิธีชักธงชาติอินเดียและกล่าวสุนทรพจน์
เพื่อร่วมฉลองเอกราชของประเทศอินเดีย เพราะเป็นความสำเร็จในการไปปฏิบัติหน้าที่ของพระธรรมทูตสายประเทศอินเดีย จนเกิดการยอมรับของประชาชนในระดับท้องถิ่น ต้องยอมรับว่า เลือดความรักชาติที่ถูกปลูกฝังให้กับยุวภารตชนนั้นเข้มยิ่งนัก อินเดียถ้าไม่ยอมรับใครแล้วยากยิ่งที่จะได้รับเกียรติให้ไปจับธงชาติอันเป็นสัญญลักษณ์แห่งเอกราชอันยิ่งใหญ่ของเขา
ในปีนี้ทางวัดได้มีสถาบันการศึกษาต่างๆ มานิมนต์พระธรรมทูตไทยไปร่วมงานวันชาติถึง 30 แห่ง รวมนักเรียนเกือบหนึ่งหมื่นคน พระสงฆ์ไทยทุกรูปทั้งหมดที่ไปจำพรรษา จึงได้ออกปฏิบัติหน้าที่กัน บางท่านก็ต้องไปถึงสี่ถึงห้าแห่งเพื่อสนองศรัทธาของประชาชนชาวอินเดียทั้งที่โรงเรียนนั้นอยู่ในชนบลเดินทางเข้าไปถึงโรงเรียนลำบากก็ตาม นับเป็นการปฏิบัติหน้าที่สานสัมพันธ์ทั้งสองประเทศได้อย่างน่าอนุโมทนายินดียิ่ง
ท่านเยาวหราล เนห์รู นายกรัฐมนตรีคนแรกของประเทศอินเดีย ได้กล่าวปราศรัยในวันประกาศอิสรภาพของอินเดีย (India's Independence Day) ณ บริเวณเชิงเนินป้อมแดง Red Fort ในกรุงเดลี ในวันที่ 15 สิงหาคม 1947 (พ.ศ.2490 นะ)
ว่า "ในขณะที่เสียงนาฬิกาตีบอกเวลาเที่ยงคืน ในยามที่โลกหลับใหล อินเดียจะตื่นขึ้นมามีชีวิตและเสรีภาพ เมื่อโอกาสสำคัญซึ่งยากเป็นไปได้ในประวัติศาสตร์นี้ได้มาถึง เมื่อนั้นพวกเราจะก้าวออกจากโลกเก่าเข้าสู่โลกใหม่ ...อินเดียจะได้ค้นพบตัวตนของตนเองอีกครั้ง
ภารตชน คนอินเดีย ทำเพื่อชาติ
วันประกาศ " อิสรภาพ"ซาบซึ้งจิต
ชวนปลูกฝัง รักชาติจริง ยิ่งชีวิต
เป็นนิมิต ติดศรัทธา อนุชน
นามบรรพ- บุรุษ ถูกพูดถึง
ให้คำนึง คุณประเทศ มีเหตุผล
สรรเสริญ คุณปูชนียบุคคล
ผู้นำพ้น การครอบครอง ของต่างแดน
ทุกชนชั้น วรรณะ ออกประกาศ
ความเป็นชาติ วัฒนธรรม ล้ำค่าแสน
สำนึกคุณ แผ่นดินเกิด เทิดทูนแทน
ผนึกแน่น ด้วยรัก สามัคคี
ทั้งโรงเรียน ราชการ ร้านค้าขาย
ธงเรียงราย ร่วมใจภักดิ์ รักศักดิ์ศรี
เสียงเพลงชาติ ประกาศก้อง สดุดี
"ภารตะ มาตากี" ที่เฝ้ารอ
15 สิงหาคม " ปฐมศก
อังกฤษยก คืนอินเดีย ซินเซียหนอ
"Independentday" เก๋เกินพอ
ปู่ ตา พ่อ ย่า ยาย สบายใจ
ประเทศไทยไม่เคย เป็นเมืองทาส
" ถ้าประมาท " ก็ไม่แน่ รีบแก้ไข
สามัคคี เถิดผอง พี่น้องไทย
*ลูกหลานไม่ อยากได้ยิน*
"Independentday"
ประพันธ์โดย มหาน้อย พุทธภูมิ
...........................
(หมายเหตุ : ข้อมูลจาก เฟซบุ๊ก Peacelocalprang Srisaketprang)
Cr.banmuang
(ข่าวหนังสือพิมพ์ Locala Nyheter
วันจันทร์ที่ 31 กรกฎาคม ๒๕๖๐)
วัดพระธรรมกายนอร์ธสวีเดน เมืองแยพเล่ห์ ในงานพิธีอัญเชิญพระประธานองค์ใหม่ที่มีขนาดสูง ๑๕๐ เซ็นติเมตร และหนัก ๕๘ กิโลกรัม
"วันแห่งความสุขของชาวพุทธในท้องถิ่นแยพเล่ห์"
เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมานี้องค์กรพุทธศาสนานานาชาติธรรมกายสวีเดนได้จัดให้มีพิธีอัญเชิญพระประธานองค์ใหม่ที่วัดบนถนนบริแนส
“มันเป็นสิ่งที่มีความหมายสำหรับเรามาก” คุณวรวรรณ ผู้เป็นประชาสัมพันธ์ขององค์กรได้บอกกับนักข่าว
ในตอนเช้าของวันเสาร์ได้มีสาธุชนประมาณ ๒๐๐ คนและพระภิกษุสงฆ์ ๔๐ รูปเดินทางมาจากทั่วโลกเพื่อมาร่วมพิธีทางพุทธศาสนาที่วัดพระธรรมกายนอร์ธสวีเดน เมืองแยพเล่ห์ ในงานพิธีอัญเชิญพระประธานองค์ใหม่ที่มีขนาดสูง ๑๕๐ เซ็นติเมตร และหนัก ๕๘ กิโลกรัม
“ในขณะที่เราทำสมาธิภาวนา พวกเราก็จะตรึกระลึกนึกถึงองค์พระนั้นไว้ในกลางตัวของเรา และการที่เราได้พระประธานองค์นี้มาประดิษฐานที่นี่เป็นสิ่งที่มีความหมายต่อพวกเราเป็นอย่างยิ่ง” คุณวรวรรณกล่าวเพิ่มเติม
ในวันดังกล่าวทางวัดก็ได้จัดให้มีมรรคุเทศก์นำชมวัดและชมพิธีบรรพชาสามเณรธรรมทายาทที่จัดให้มีขึ้นในวันดังกล่าวเช่นกัน
“เด็กๆเหล่านี้จะอยู่ที่วัดอีก ๑ สัปดาห์ พวกเขาจะต้องตื่นตั้งแต่ตี ๕ แล้วนั่งสมาธิภาวนา หลังจากนั้นก็เรียนการสวดมนต์ทำวัตร และฝึกรักษาศีล ๑๐ สำหรับสามเณร ในขณะที่พระภิกษุสงฆ์จะต้องรักษาศีล ๒๒๗” คุณวรวรรณกล่าวกับนักข่าว ก่อนที่พิธีจะเริ่มขึ้นทุกคนได้นั่งหลับตาเจริญสมาธิภาวนาแล้วพนมมือขึ้นสวดมนต์บูชาพระรัตนตรัย
“สิ่งที่เรากระทำนี้เรียกว่าการทำบุญ เป้าหมายของชีวิตของเราก็คือการสั่งสมบุญ ตัวอย่างเช่นการแบ่งปันอาหารของเราและการแผ่เมตตาแผ่ความสงบสุข เป็นต้น” คุณรุ่งอรุณกล่าวกับนักข่าว
ในพิธีกรรมดังกล่าวได้มีตัวแทนพระภิกษุสงฆ์ส่วนหนึ่งได้ขึ้นสู่ อาสน์สงฆ์ บรรยายธรรมให้สาธุชนที่มาร่วมงานได้ทราบเกี่ยวกับความสำคัญของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าและพระพุทธศาสนาต่อทุกๆคน
“มันเป็นวันแห่งมหามงคลสำหรับชาวพุทธทั้งหลายที่อาศัยอยู่ในท้องถิ่นที่นี้ เป้าหมายของเราคือการเผยแผ่หลักธรรมคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเพื่อขยายสันติสุขและความเป็นเอกภาพแก่ทุกๆคนโดยไม่จำกัดว่าบุคคลเหล่านั้นจะมีแบคกราวด์อย่างไร” พระภิกษุรูปหนึ่งกล่าวกับนักข่าวคนดังกล่าว
ในวันนั้นได้มีตัวแทนของสมาชิกองค์กรนี้ที่เป็นชาวสวีเดนท่านหนึ่งได้ออกมาเล่าเรื่องราวของตัวเองว่าพระพุทธศาสนาได้เปลี่ยนแปลงชีวิตของตนอย่างไรบ้าง
“ผมเคยเป็นคนที่ดื่มเหล้าและชอบเล่นการพนันพ่ายโป๊กเกอร์ จนกระทั่งร่างกายของผมทรุดโทรมลงมาก ต่อมาผมได้มาเจอกับภรรยาชาวพุทธของผมในปัจจุบันนี้ และผมก็ได้เริ่มฝึกนั่งสมาธิ นั่นคือ ๖ ปีที่ผ่านมาแล้ว มา ณ วันนี้ ผมเป็นคนที่รักสันติสุขและความสงบและไม่ดื่มแอลกอฮอล์อีกเลย” สมาชิกคนดังกล่าวกล่าวเล่าให้ทุกคนฟัง
รอบๆห้องปฏิบัติธรรมในวันนั้นได้มีสมาชิกส่วนหนึ่งที่กลั้นน้ำตาไว้ไม่ได้ด้วยความปีติใจที่เกิดขึ้น นั่งหลั่งน้ำตากันอยู่และส่งกระดาษเช็ดหน้าให้ซับน้ำตากันด้วยความปีติเบิกบาน
“วันนี้มีความหมายต่อพวกเรามากจริงๆ และเราก็มีความสุขมาก” วรวรรณกล่าวในตอนท้าย
เส้นทางบุญ
@Oathofboon
ต่างประเทศ
"โควินธ์" ว่าที่ปธน.อินเดียคนใหม่ศรัทธาพุทธศาสนา
วันเสาร์ ที่ 22 กรกฎาคม พ.ศ. 2560, 00.17 น.
"โควินธ์"ว่าที่ปธน.อินเดียคนใหม่ศรัทธาพุทธศาสนา
"โควินธ์"เป็น ปธน.อินเดียคนใหม่ศรัทธาเลื่อมใสพระพุทธศาสนา เฉกเช่นดร. อัมเบดการ์ เตรียมรับตำแหน่ง 25 ก.ค.นี้ เสริมแกร่ง "โมดี"
เป็นที่แน่นอนแล้วว่า เมื่อนายประนาบ มุกเคอร์จี ประธานาธิบดีประเทศอินเดีย ที่จะพ้นวาระใน 25 ก.ค.ที่จะถึงนี้ ผู้ที่จะเข้ามารับตำแหน่งแทนคือนายราม นาถ โควินธ์ ทนายความวัย 71 ปีที่เป็นผู้สมัครจากพรรครัฐบาล คือพรรคภารติยะ ชนะตะ หรือ BJP ของนายกรัฐมนตรีนเรนทรา โมดี หลังจากสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและสมาชิกสภาแต่ละรัฐรวมเกือบ 4,900 คนทั่วประเทศลงคะแนนเมื่อวันที่ 17 ก.ค.ที่ผ่านมา
เมื่อผลชัยชนะของนาย ราม นาถ โควินธ์ จะทำให้นายโมดี สามารถกุมอำนาจบริหารได้มั่นคงมากขึ้น ซึ่งจะส่งผลดีต่อพรรคในการเลือกตั้งทั่วไปปี 2562
นอกจากนี้นายราม นาถ โควินธ์ ยังเป็นบุคคลที่ศรัทธาเลื่อมใสพระพุทธศาสนาพระพุทธศาสนา เฉกเช่น ดร. อัมเบดการ์ หรือดร.บาบาสาเหบ พิมเรา รามจิ อัมเบดการ์(Dr. Babasaheb Bhimrao Ramji Ambedkar)
ที่เกิดในวรรณะศูทร ที่พัฒนาตัวเองจนได้รับตำแหน่งเป็นรัฐมนตรีกระทรวงยุติธรรม และเมื่อประเทศอินเดียได้รับเอกราช ได้เป็นผู้ร่วมร่างรัฐธรรมนูญของประเทศอินเดียประกาศใช้จนถึงทุกวันนี้ และต่อมาได้นำพาคนอินเดียจำนวนมากหันมานับถือพระพุทธศาสนา
ผู้ที่เปิดเผยว่านายราม นาถ โควินธ์ศรัทธาเลื่อมใสพระพุทธศาสนาคือ พระครูปริยัติโพธิวิเทศ (พระมหา ดร.คมสรณ์ คุตตธมฺโม) เจ้าอาวาสวัดไทยเชตวันมหาวิหาร นครสาวัตถี รัฐอุตตรประเทศ ประเทศอินเดีย
ซึ่งเผยแพร่ข้อมูลผ่านทางเฟซบุ๊ก "ท่านคมสรณ์ ข่าวสารงานพระธรรมทูตอินเดีย"
ซึ่งชัยชนะของผู้สมัครจากพรรคของรัฐบาล (BJP) ครั้งนี้จะยิ่งทำให้นายกรัฐมนตรีนเรนทรา โมดี กุมอำนาจเบ็ดเสร็จมากยิ่งขึ้น โดยในการเลือกตั้งครั้งนี้จะทำให้อินเดียที่นับถือพุทธศาสนาเข้ามารับตำแหน่งประธานาธิบดีเป็นคนที่ 2 ถัดจากอดีตประธานาธิบดี เค.อาร์.นารายานัน ซึ่งดำรงตำแหน่งเมื่อปี 1997 - 2002
นายราม นาถ โกวินท์ วัย 71 ปี ผู้นี้เป็นอดีตผู้ว่าการรัฐวิหาร ผู้เป็นตัวเก็งจากพรรค BJP ได้รับการคาดหมายจากสมาชิกรัฐสภา ในการรับเลือกให้ดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีคนต่อไปการโหวตเลือกประธานาธิบดีคนใหม่ไปเมื่อวันจันทร์ (17 ก.ค.) ที่ผ่านมา
โดยการโหวตเลือกประธานาธิบดีจะกระทำโดยคณะกรรมการเลือกตั้ง 4,896 คน ที่ก่อตั้งจากสมาชิกรัฐสภา และสภารัฐต่าง ๆ ไม่ใช่ประชาชน และได้มีการประกาศผลเมื่อวันที่ 20 กค.ที่ผ่านมา
ครั้งนี้แสดงให้เห็นถึงความเปลี่ยนแปลงในสังคมอินเดียยุคใหม่ และจะเป็นผลดีต่อชาวพุทธด้วย เพราะประธานาธิบดีคนใหม่ของอินเดียท่านนี้มีความศรัทธาเลื่อมใสในพระพุทธศาสนา
#มีพุทธสุภาษิตน่าศึกษาที่พระพุทธองค์ตรัสไว้ว่า
น ชจฺจา วสโล โหติ
น ชจฺจา โหติ พฺราหฺมโณ
กมฺมุนา วสโล โหติ
กมฺมุนา โหติ พฺราหฺมโณ.
บุคคลเป็นคนเลวเพราะชาติก็หาไม่
เป็นผู้ประเสริฐเพราะชาติก็หาไม่ (แต่)
เป็นคนเลวเพราะการกระทำ
เป็นผู้ประเสริฐก็เพราะการกระทำ.
ขุ. สุ. 25/352
#ประชาธิปไตยเข้าไปสลายความเข้มข้นเรื่องวรรณะในอินเดีย
#คนจะดีจะชั่วไม่ใช่อยู่ที่วรรณะชาติตระกูลแต่อยู่ที่การกระทำโดยแท้
ท่านคมสรณ์ ข่าวสารงานพระธรรมทูตอินเดีย
21 กรกฎาคม 2560 Photo by NEWS.
Cr.กลุ่มไลน์